Support
The I-city
094-9716464,02-0965404
Your shopping cart
ดูตะกร้าสินค้าของคุณ
ไม่มีสินค้าในตะกร้าของคุณ

เรือครุฑเหินเห็จ

nobphon | 10-11-2558 | เปิดดู 5326 | ความคิดเห็น 0

เรือครุฑเหินเห็จ

 

ตามตำนานพงศาวดารของอินเดียกล่าวไว้ว่า "ครุฑ" เป็นพาหนะของพระนารายณ์ เป็นอมนุษย์โดยมีลักษณะส่วนหัวเป็นนกอินทรีย์ รวมทั้งปีก กงเล็บ และท่อนล่าง ส่วนร่างกายท่อนบน แขนและมือ คล้ายมนุษย์ และจะเห็นได้ว่าที่มือนั้นจะกุมนาคเอาไว้ ซึ่งก็มีตำนานกล่าวไว้อีกว่า ครุฑกับนาคนั้นเป็นอริต่อกัน ในครั้งที่นางกัทรุ ซึ่งเป็นมารดาของนาค และนางวินตา มารดาของครุฑ ได้พนันกันถึงเรื่องของสีของม้าทรงรถของพระอินทร์ โดยใช้ความเป็นทาสต่อกันเป็นเวลาห้าร้อยปีในการวางเดิมพัน นางกัทรุทายว่าม้าเป็นสีดำ ส่วนนางวินตาทายว่าม้าเป็นสีขาว และในความเป็นจริงนั้น ม้าเป็นสีขาว ทำให้นางวินตาทายถูก แต่นางกัทรุใช้อุบายให้นาคซึ่งเป็นลูกของตนแปลงเป็นขนสีดำไปแซมตามตัวของม้าให้กลายเป็นสีดำ และนางวินตาก็ไม่รู้ถึงอุบายนี้จึงจำต้องยอมแพ้และตกเป็นทาสของนางกัทรุถึงห้าร้อยปี

ในภายหลังครุฑได้ทราบถึงสาเหตุดังกล่าว จึงไปขอเจรจากับพวกนาคให้ยอมปล่อยมารดาของตน พวกนาคทั้งหลายจึงสั่งให้ครุฑไปเอาน้ำอมฤตมาเพื่อแลกกับอิสรภาพของนางวินตา ครุฑจึงบินขึ้นไปยังสรวงสวรรค์เพื่อไปเอาน้ำอมฤต และได้นำหม้อน้ำอมฤตลงมา แต่ทว่าพระอินทร์ได้ตามมาขอคืน ครุฑจึงกล่าวว่าตนนั้นต้องรักษาสัตย์โดยจะนำไปให้เหล่านาคเพื่อแลกกับตัวมารดาให้พ้นจากการเป็นทาสและขอให้พระอินทร์ตามไปเอาคืนมาเอง แล้วครุฑก็นำน้ำอมฤตไปวางไว้บนหญ้าคาและทำหกรดหญ้าคา 2-3 หยด ส่วนนาคนั้นเมื่อเห็นน้ำอมฤตก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งยอมปล่อยนางวินตาให้เป็นอิสระ

ในระหว่างที่นาคทั้งหลายต่างพากันสรงน้ำชำระร่างกายเพื่อเตรียมดื่มน้ำอมฤต พระอินทร์ก็รีบมานำหม้อน้ำอมฤตกลับไป ทำให้พวกนาคไม่ได้กิน จึงต่างพากันไปเลียที่ใบหญ้าคาด้วยเชื่อว่าอาจมีน้ำอมฤตหลงเหลืออยู่ ทำให้ใบหญ้าคาบาดกลางลิ้นเป็นทางยาว

ทางด้านครุฑแม้ว่าจะไถ่ตัวมารดากลับมาได้แล้ว แต่ยังคงแค้นใจที่พวกเหล่าบรรดานาคใช้อุบายทำให้มารดาของตนต้องตกไปเป็นทาส ทำให้พญาครุฑและเหล่าบรรดาลูกหลานในรุ่นต่อ ๆ มา ตั้งตนเป็นศัตรูกับพวกนาค โดยเหล่าบรรดาครุฑจะโฉบลงมายังมหาสมุทรและโฉบนาคไปฉีกท้องจิกกินมันเปลวแล้วทิ้งร่างไร้ชีวิตของนาคตกลงมาสู่มหานที ทางฝ่ายนาคเองนั้นแม้จะพยายามต่อสู้แต่ก็ไม่สามารถที่จะสู้ฤทธาของเหล่าบรรดาครุฑได้ จึงหลบหนีไปยังสะดือทะเล แต่ก็ถูกครุฑใช้ปีกโบกสะบัดกระทั่งน้ำแห้งเหือดไปและก็จับนาคมากินเป็นอาหาร และนี่ก็คือตำนานเรื่องราวความอาฆาตพยาบาทของพญาครุฑกับพญานาค

 

เรือครุฑเหินเห็จ ลำเดิมนั้นสร้างขึ้นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 เป็นเรือรูปสัตว์เทพนิยาย เป็นเรือพื้นดำ ยาวประมาณ 27 เมตร กว้าง 1.90 เมตร แต่ได้ถูกระเบิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้รับความเสียหาย ทางกรมศิลปากรจึงได้ตัดส่วนหัวเรือและท้ายเรือเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์

ต่อมาในปีพ.ศ.2505 เมื่อวันที่ 21 เมษายน ได้รับการบูรณะสร้างตัวเรือขึนมาใหม่โดยใช้ส่วนหัวและท้ายเรือเดิมนำมาประกอบเข้าด้วยกัน ตัวเรือลำใหม่นึ้มีความยาว 27.50 เมตร กว้าง 1.59 เมตร และลึก 0.59 เมตร ส่วนที่กินน้ำลึก 32 เซนติเมตร ใช้ฝีพาย 38 นาย และนายท้าย 2 นาย

ในปีพ.ศ.2511 ได้ดำเนินการบูรณะซ่อแซมลำเรือใหม่ โดยใช้ช่างแกะสลักลวดลายใช้เวลาในการทำงานประมาณ 18 เดือน ช่างรักทำงาน 6 เดือน ช่างเขียนลายรดน้ำทำงานประมาณ 6 เดือน ช่างปิดทองและประดับกระจกทำงานประมาณ 4 เดือน

 

ระหว่างวันที่ 15 มีนาคม - 10 กันยายน พ.ศ.2514 สำนักงานเกษรดอกประดู่ ได้รับเหมาดำเนินการทำเครื่องตกแต่งเรือใหม่

 

และเมื่อปีพ.ศ.2524 ได้ดำเนินการซ่อมครั้งใหญ่ เพื่อใช้ในงานสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 5 เมษายน พ.ศ.2525 โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 4 กันยายน พ.ศ.2524 ถึงวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ.2525 โดยเปลี่ยนไม้ตัวเรือที่ผุพัง ลงรักปิดทองแล้วทาสีใหม่ และส่วนอื่น ๆ ตามความเหมาะสม ดำเนินการโดยบริษัทสหายสันต์ จำกัด

 

การแต่งกายประจำเรือนั้น นายลำนุ่งปูม สวมเสื้อเข้มขาบ โพกขลิบทอง

 

ความคิดเห็น

วันที่: Thu Apr 25 00:46:13 ICT 2024

แสดงความคิดเห็น
All Comments: 0 Pages: 1/0

สำรองที่นั่ง Call Now 094-9716464 , 02-047-0022